31 ม.ค. 57 ไปประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อกำหนด KPI ด้านวิจัย เพื่อผลักดันสู่ความเป็นมหาวิทยาลัยวิจัย ที่ห้องประชุมชั้น 12 อาคารศูนย์วิจัยการแพทย์ศิริราช (SiMR) .. ได้ความรู้จากการบรรยายของท่านผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัย เลยขอเก็บบันทึกเอาไว้ค่ะ
- ต้องหาให้เจอว่าใครคือ customer งานวิจัย? งานวิจัยต้องตอบโจทย์ความต้องการของ customer ทำให้ customer เข้ามามีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์จากผลงานวิจัยนั้น งานวิจัยต้องเป็น customer-oriented research และตอบสนองต่อวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัย
- customer อาจแบ่งตามวัตถุประสงค์ของงานวิจัยด้านต่างๆ ได้แก่ งานวิจัยเชิงวิชาการ งานวิจัยเชิงพาณิชย์ งานวิจัยเชิงนโยบาย งานวิจัยเพื่อสังคม customer อาจเป็น partner งานวิจัยของเราทั้งในและต่างประเทศ customer อาจเป็นหน่วยงานที่สนับสนุนทุนวิจัยให้แก่เรา ทั้งในและต่างประเทศ
- customer อาจไม่ใช่คนเดียวกันกับ users / consumers
- ส่วนคำอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้แก่ buyers / payers / distributors / manufacturers / sponsors / advocators / regulators / stakeholders
- พึงระลึกเสมอว่า งานวิจัย (research) กว่าจะกลายเป็นนวัตกรรมได้ ต้องอาศัยขบวนการหลายขั้นตอน ทั้ง development, design, engineering และ manufacturing
- ดัชนีวัด PI (Performance Indicators) แบ่งออกเป็น 1. Leading indicators (วัดกระบวนการ) 2. Lagging indicators (วัดผลผลิต output / ผลลัพธ์ outcome)
- ผลผลิต (outputs) ซึ่ง customers นำไปใช้ได้โดยตรง ได้แก่ บทความวิจัยตีพิมพ์ สิทธิบัตร ต้นแบบ ฐานข้อมูล sample banks ต่างๆ รวมทั้ง ทรัพยากรมนุษย์ เช่น นักศึกษาบัณฑิตศึกษา นักวิจัย ผู้รับการฝึกอบรม การวัด outputs ต้องมีทั้งเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ
- ผลลัพธ์ (outcomes) เป็นผลกระทบทางเศรษฐกิจ ทางสังคม และทางวิชาการในวงกว้าง ทั้งในระดับ short-term outcomes (วัดโดย defined customers) intermediate outcomes (วัดโดย customer’s customers) และ long term outcomes (วัดโดย society หรือประเทศชาติ) การวัดทำได้ค่อนข้างยาก
- วิธีการวัดต้อง identify ให้ออก ตาม logic model ของการวิจัย ไม่ว่าจะเป็น basic research หรือ research for industry แต่ละรายการคืออะไรบ้าง นับตั้งแต่ 1. research inputs -> 2. activity -> 3. outputs -> 4. for customers -> 5. short term outcomes -> 6. intermediate outcomes -> 7. long term outcomes