สรุปความรู้ที่ได้จากการอบรมหลักสูตร คู่มือมนุษย์ รุ่นที่ 7 ที่หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ หรือสวนโมกข์ กรุงเทพฯ ซึ่งอบรมช่วงเช้าวันอาทิตย์เว้นอาทิตย์ รวมทั้งหมด 4 ครั้ง (สอนโดยคุณขจรศักดิ์ และคุณสุรชัย) ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แต่ที่จริงไม่ได้ไปเข้าเรียน อาศํยยืม sheet ของเพื่อนที่ไป มาสรุปให้ฟังค่ะ
DAY 3 : วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2556
- ผัสสะ คือ มุมมองในการรับรู้โลกของแต่ละคน ซึ่งมีโลกทัศน์ที่แตกต่างกันออกไป
- การให้คุณค่าให้ความหมายต่อสิ่งต่างๆ ของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน ของสิ่งเดียวกัน บางคนรู้สึกพอใจ แต่บางคนรู้สึกไม่พอใจ เกิดโลกทัศน์ที่แตกต่างกัน
- ถ้าต้องการจะควบคุมการให้คุณค่าให้ความหมายต่อสิ่งต่างๆในโลก ท่านต้องรู้จักกำพืดของมัน นั่นคือ ต้องรู้จักกลไกการเกิด การทำงาน และการดับของมัน กล่าวคือ ทุกครั้งที่เกิดผัสสะ ท่านต้องเฝ้าดูความรู้สึกต่างๆที่เกิดภายในจิต และดูกลไกการทำงานของจิต จนเรียนรู้ว่า การให้คุณค่าความหมายนั้น มันฝังลงในจิตเราได้อย่างไร และตั้งแต่เมื่อไหร่
- สัญญา มี 2 ชนิดคือ 1. สัญญาจำหมาย (สักแต่ว่าจดจำ ว่าคืออะไร มีชื่อว่าอะไร) และ 2. สัญญามั่นหมาย หรือ ปปัญจสัญญา (ให้คุณค่าว่าดี/ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้)
- สัญญาชนิดที่ 2 นี้เป็นฝ่ายเกิดทุกข์ ฝังลงในจิตกลายเป็นอนุสัยประจำตน เป็นอวิชชาฝังแน่นลงในจิต และพร้อมที่จะลุกขึ้นมาทำงานทันทีเมื่อเกิดผัสสะใหม่ในอนาคต
- เมื่อมีการกระทบอายตนะ (ภายในและภายนอก) 1 ครั้ง จะเกิดผัสสะซ้อนกันขึ้น 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นปฏิฆะสัมผัส (เป็นสัมผัสบริสุทธิ์ ไม่มีอวิชชาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย) เกิดนามรูป พร้อมกับเกิดผัสสะที่ 2 ตามมาติดๆ คือ อธิวจนะสัมผัส จากความเคยชินของปุถุชนที่ชำนาญในการให้ค่าให้ความหมายต่อสิ่งต่างๆที่ตนกำลังรับรู้
- ถ้าเป็นอธิวจนะสัมผัสบริสุทธิ์จะไม่เกิดทุกข์ แต่ถ้าเผลอสติ เกิดอวิชชาเข้าแทรก จะกลายเป็นอธิวจนะสัมผัสโง่ ทำให้เกิดทุกข์
- เมื่ออวิชชาและสังขารมาปรากฎ จะทำให้วงจรปฏิจจสมุบปบาท เริ่มขยับหมุน ดังนี้ อวิชชา -> สังขาร -> วิญญาณ -> นามรูป -> สฬายตนะ -> ผัสสะ และถ้าเผลอสติจะแปลงจากผัสสะบริสุทธิ์ กลายเป็นผัสสะโง่เต็มที่ 100% -> เวทนา -> ตัณหา -> อุปาทาน -> ภพ -> ชาติ -> ชรา มรณะ โสกะฯ
- อวิชชา คือ ความเคยชินของจิต มีสันดานความคุ้นเคย ถนัดในการให้คุณให้ความหมายแก่สิ่งต่างๆไปตามสัญญามั่นหมายที่เคยถูกสั่งสม
- สังขาร คือ การให้คุณค่าความหมายแก่สิ่งต่างๆในทางที่ผิด ในทางที่จะเป็นไปเพื่อความเกิดทุกข์
- ปฏิฆะสัมผัส ทำให้รูป มาปรากฎแก่จิต (เกิดวิญญาณมารู้รูป) / อธิวจนะสัมผัส ทำให้นาม มาปรากฎแก่จิต (เกิดวิญญาณมารู้นาม)
- เมื่อความหมายของทั้งนามและรูป มาปรากฎแก่จิตชัดเจน (วิญญาณเกิดสมบูรณ์) เรียกว่า นามรูป เกิดขึ้นสมบูรณ์แล้ว จะตามมาด้วยการเกิดผัสสะโง่สมบูรณ์ พร้อมจะเป็นไปเพื่อการเกิดทุกข์
- ระวังให้ดี สัมผัสที่ 1 ยังไม่มีอันตราย เป็นเพียงกระทบอายตนะล้วนๆ เรียกว่า ปฏิฆะสัมผัส พอถึงสัมผัสที่ 2 เป็นอธิวจนะสัมผัส นี่ต้องระวัง อวิชชาจะผสม แล้วก็เกิดเวทนา เกิดตัณหา เกิดอุปาทาน แล้วก็เกิดตัวกู-ของกู
- ดังนั้น ต้องมีสติ เมื่อมีอารมณ์มากระทบ อย่างเผลอสติ อย่าให้เกิดอวิชชาปรุงแต่ง มันจะทำให้เกิดสังขาร (ให้คุณค่าความหมายที่ผิด) เกิดวิญญาณ (รับรู้ความหมายที่ผิด ไปตามที่สังขารให้ค่าไว้) เกิดนามรูป เกิดสฬายตนะ และเกิดผัสสะโง่ที่สมบูรณ์
- วิธีแก้คือ ต้องฝึกการเพ่งโทษของเวทนา คือหมั่นพิจารณาลงไปที่เวทนา ในทุกๆครั้งที่เวทนามาปรากฎที่จิต
- เพ่งคุณ -> ทุกข์เกิด / เพ่งโทษ -> ทุกข์ดับ
อ่านสรุปของวันอื่นๆ ได้ที่นี่ค่ะ
DAY 1 : วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2556
DAY 2 : วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2556
DAY 4 : วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2556