วันจันทร์ที่ 20 มิ.ย. 54 นี้ จะเริ่มโครงการสนับสนุนบุคลากรให้ทำวิจัยเพื่อพัฒนาองค์กร .. กิจกรรมดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการความรู้ของหน่วยงานเรา (Stang Library KM) ดังนั้น ต้องเตรียมข้อมูลไปเสวนากันหน่อย หาหัวข้อเพื่อขอทุนทำโครงการวิจัย R2R กันดีกว่า อันดับแรกต้องปูพื้นความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการวิจัยก่อน
ประเภทของการวิจัย
จำแนกตามศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง
– การวิจัยเฉพาะศาสตร์ (Monodisciplinary Research)
– การวิจัยสหสาขาวิชา หรือสหวิทยาการ (Interdisciplinary Research)
จำแนกตามสาขาวิชา
– การวิจัยทางวิทยาศาสตร์
– การวิจัยทางสังคมศาสตร์
– การวิจัยทางมนุษยศาสตร์
จำแนกตามลักษณะของข้อมูล
– การวิจัยเชิงปริมาณ (Quanlitative Research) ข้อมูลเป็นตัวเลข สมการ สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ อาศัยเทคนิคทางสถิติมาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล
– การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ข้อมูลที่ไม่เป็นตัวเลข แต่เป็นข้อความบรรยายคุณลักษณะ สภาพเหตุการณ์ของสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
– การวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Method Research)
จำแนกตามสมมุติฐาน
– การวิจัยเชิงอนุมาน (นิรนัย, deductive Research) – hypothesis-testing method
– การวิจัยเชิงอุปมาน (อุปนัย, inductive research) – hypothesis-generating method
จำแนกตามประโยชน์ของการนำผลการวิจัยไปใช้
– การวิจัยพื้นฐาน (Basic Research) หรือการวิจัยบริสุทธิ์ (Pure Research) เป็นการวิจัยที่ค้นหาหลักการ กฎ ทฤษฎี เพื่อขยายพื้นฐานความรู้ทางวิชาการให้กว้างขวางออกไป
– การวิจัยประยุกต์ (Applied Research) เป็นการวิจัยและพัฒนาเพื่อนำผลไปใช้เพื่อปรับปรุงสภาพของสังคม และความเป็นอยู่ของมนุษย์ให้ดีขึ้น เช่น ด้านเศรษฐกิจ การเมือง และการศึกษา
– การวิจัยเชิงปฎิบัติการ (Action Research-AR) เป็นการวิจัยเพื่อนำผลมาใช้แก้ปัญหาในการปฏิบัติงาน
– การวิจัยดำเนินงาน หรือการวิจัยปฏิบัติการ (Operations Research-OR) การนำเอาปัญหาข้อจำกัดในการปฏิบัติ มาวิเคราะห์และสรุปออกมาเป็นตัวเลขเพื่อใช้ในการตัดสินใจ
– การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research-PAR)
– การวิจัยชุมชน (Community-based Research)
จำแนกตามความมุ่งหมายของการทำวิจัย
– การวิจัยเพื่อค้นหา หรือการวิจัยเชิงบุกเบิก (Exploratory Research)
– การวิจัยเชิงตีความ (interpretive research) เป็นความพยายามที่จะขุดค้นทฤษฎีจากตัวข้อมูล มากกว่าจากสมมุติฐานที่ตั้งไว้
– การวิจัยเชิงพรรณนา หรือเชิงบรรยาย (Descriptive Research)
– การวิจัยเชิงอรรถาธิบาย หรือการวิจัยเชิงวิเคราะห์ (Explanatory Research / Analytical Research) ศึกษาเหตุการณ์ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร มีสาเหตุจากอะไร ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
– การวิจัยเชิงพยากรณ์ หรือคาดการณ์ (Predictive Research) ศึกษาสภาพเหตุการณ์ในอดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อทำนายอนาคต
จำแนกตามระเบียบวิธีวิจัย
– การวิจัยเชิงประวัติศาสตร์ (Historical Research) เป็นการวิจัยเพื่อค้นหาความจริงในอดีตที่ผ่านมา
– การวิจัยเชิงพรรณนา หรือเชิงบรรยาย (Descriptive Research) เป็นการวิจัยเพื่อค้นหาความจริงในสภาพปัจจุบัน
– การวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) หรือการวิจัยสำรวจตัวอย่าง (Sample survey research)
– การวิจัยเชิงความสัมพันธ์ของตัวแปร (Interrelationship Research)
– การวิจัยเชิงสหสัมพันธ์ (Correlational Research) ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร 2 ตัวขึ้นไป เช่น ความคิดสร้างสรรค์ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีสหสัมพันธ์กันหรือไม่?
– การวิจัยเชิงทฤษฎี (Theoretical research) ค้นคว้าหาทฤษฎีใหม่
– การวิจัยเชิงประจักษ์ (Empirical Research) เก็บรวบรวมข้อมูลหลักฐานจากแหล่งปฐมภูมิ ใช้วิธีการทางสถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ทางวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสิ่งที่มีจริงคือสิ่งที่สังเกตได้
– การวิจัยเชิงวิพากษ์วิจารณ์ หรือไม่ประจักษ์ (Non-empirical Research) อาศัยข้อมูลที่มีอยู่แล้วในเอกสาร มักใช้การวิพากษ์วิจารณ์แทนการใช้วิธีการทางสถิติ
– การวิจัยเชิงทดลอง (Experimantal Research) ควบคุมตัวแปรต่าง ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง แล้ววัดผลตัวแปรตาม
– การวิจัยเชิงกึ่งทดลอง (Quasi-expertimental Research) ควบคุมตัวแปรอิสระที่ไม่ต้องการได้เพียงบางตัว
– การวิจัยเชิงทดลองที่แท้จริง (True-Experimental Research)
– การวิจัยเชิงธรรมชาติ (Nationalistic Research) ค้นหาความจริงของสภาพการณ์ ใช้การสังเกตการณ์เป็นสำคัญ
– การวิจัยเชิงเหตุผลเปรียบเทียบ (Causal-comparative research) / การวิจัยย้อนรอย (Expost facto research) จากผลไปเหตุ
– การวิจัยเอกสารและการวิเคราะห์เนื้อหา (Documentary Research)
– การวิจัยกรณีศึกษา (Case Study Research) เก็บข้อมูลในกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็กหรือบุคคล แบบเจาะลึก
– การวิจัยเชิงพัฒนาการ (Developmental Research)
– การวิจัยเชิงพัฒนาระบบ (Research and Development)
– การวิจัยแนวโน้ม (Trend Research)
– การวิจัยเชิงก่อ หรือเชิงพัฒนาสร้างสรรค์ (Constructive Research) เป็นการพัฒนาทางแก้ปัญหา
– การวิจัยปรับใช้ (Adaptive Research)
– การวิจัยประเมินผล (Evaluation Research)
– การวิจัยโดยการสังเกตการณ์ หรือการวิจัยเชิงสังเกต (Observational Research)
– การวิจัยแบบตัดขวาง (Cross sectional Research) เก็บข้อมูลเพียงครั้งเดียวแล้ววิเคราะห์หาความแตกต่างหรือความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆ
– การวิจัยระยะยาว (Longtitudinal Research) มีการเก็บข้อมูลมากกว่า 1 ครั้ง แล้วนำข้อมูลมาเปรียบเทียบ เป็น growth study
– การวิจัยเชิงชาติพันธุ์วรรณนา (Ethnographic Research) สังเกตพฤติกรรม วิถีชีวิต ความเชื่อ ค่านิยม ของกลุ่มคนในสังคมและวัฒนธรรมกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
– การวิจัยทางมานุษยวิทยา (Anthropological Research)
– การวิจัยภาคสนาม (Field Research)
– การวิจัยเพื่อการวางแผน (Planning Research)
– การวิจัยแบบสำมะโน (Census Research) เก็บข้อมูลจากทุกหน่วยของประชากรที่ต้องการศึกษา
– การวิจัยนโยบาย (Policy Research)
– การวิจัยเชิงจำลอง (simulation Research)
– การวิจัยเชิงอนาคต (Futures / Futuristic Research) เป็นการวิจัยเพื่อวางแผนหรือคาดคะเนอนาคต